can i have hope again ? - นิยาย can i have hope again ? : Dek-D.com - Writer
×

    can i have hope again ?

    เมื่อบางอย่างจากนอกโลกทำให้ทุกอย่างล่มสลาย สิ่งเดียวที่มนุษย์มุ่งหวังคือ การอยู่รอด เพียงแค่นี้เท่านั้น จะพอมีหวังหรือไม่ ?

    ผู้เข้าชมรวม

    171

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    47

    ผู้เข้าชมรวม


    171

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    6
    จำนวนตอน :  35 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ย. 67 / 05:39 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       “ไม่ว่ามันคืออะไร มันมาจากอุกกาบาตนั่น ประเทศไทยเราแม่งเละเทะแบบนี้เพราะเรากำลังโกงจักรวาล เรากำลังเข้าไปแทรกแซงธรรมชาติ เรากำลังชิบหายเพราะความโลภของพวกนายทุนกับพวกนักการเมืองเลวๆ จักรวาลกำลังลงโทษเรา…!!!!”


       เสียงคำรามของชายวัยกลางคนที่บุกเข้ามาตะโกนโวยวายกลางรายการดังที่กำลังออกอากาศสด ๆ ทำเอาทุกคนรอบ ๆ ตะลึง 

       เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้ามาพาชายที่กำลังโวยวายออกไปจากรายการสดอย่างทุลักทุเล ชายผู้นั้นยังคงโวยวายจนกระทั่งเจ้าหน้าที่พาลับหายไปจากห้องส่ง เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในการรับรู้ของประชาชนที่กำลังชมรายการสดแบบทุกคำพูด


       ในโลกโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์เรื่องราวนี้ออกไปอย่างกว้างขวาง มีการถกเถียงในโลกออนไลน์กันตลอดเวลาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกลางรายการสดนั่น บ้างก็มุ่งความสนใจไปที่ว่าทำไมทางรายการจึงปล่อยให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปได้ แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งนั้นมุ่งความสนใจไปยังเรื่องที่ชายผู้นั้นพูดออกมา


       



        “ในโซเชียลแชร์กันเต็มเลยพี่”


       เด็กชายวัยสิบต้น ๆ กำลังจ้องหน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ


       “กินข้าวบ้างนะ อย่าเอาแต่ส่องดราม่า”


       ชายอีกคนวัยราวยี่สิบกลาง ๆ เดินมาเท้าเอวมองหน้าจอคอมพิวเตอร์


       “ไม่มีเวลากินหรอกพี่ต้น! เรื่องนี้มันต้องใหญ่โคตร ๆ ตอนนี้มีคลิปคนคลั่งอาละวาดทำร้ายคนอื่น ๆ ออกมาเพียบเลยพี่ นี่ยังไม่นับพวกรูปถ่ายหรือคลิปสัตว์แปลก ๆ ที่เขาว่ากันว่ามันกลายพันธุ์ที่มีมาเรื่อย ๆ ตลอดสี่ห้าปีมานี่อีกนะพี่”


       ต้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์สีหน้าจริงจัง


       “ผมว่ารัฐบาลน่าจะปิดบังอะไรประชาชนแล้วล่ะ เกิดมันเป็นพวกไวรัสหรือปรสิตนอกโลกทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ขึ้นมาจะว่าไงล่ะพี่”


       ต้นแกล้งเอามือป้ายปากเด็กชายแต่ตายังจ้องหน้าจอ


       “เอ็งดูหนังมากไปแล้วไอ้จ๊อดเอ๊ย!”


       “หนังบางเรื่องมันก็สร้างจากเรื่องจริงนะพี่…หืม!! มือไปทำอะไรมาโคตรเหม็น!”


       จ๊อดสีหน้าเหมือนจะอาเจียน


       “ไปเข้าส้วมมาเมื่อกี้”


       พูดจบต้นก็เดินจากไปทิ้งให้จ๊อดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้





       ต้นเดินขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน เขาเปิดประตูเข้าห้องส่วนตัวที่มีสติกเกอร์แปะที่หน้าประตูไว้ว่า 

       

       “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต”

       

       ภายในห้องนั้นดูรกตาไปด้วยข้าวของ ที่ผนังห้องด้านหนึ่งเต็มไปด้วยกระดาษเอกสารที่มีข้อมูลตัวอักษรเต็มพรืดและรูปถ่ายแปะเต็มผนัง แต่ละรูปมีเชือกสีแดงที่โยงจากรูปหนึ่งสู่รูปหนึ่งในลักษณะของแผนผัง 

       

       อีกด้านของห้องมีคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอเปิดคลิปวีดิโอที่มีการถ่ายจากมุมสูงเป็นภาพของคนกลุ่มหนึ่งราวสามสี่คนกำลังวิ่งหนีคนอีกกลุ่มราวสิบคน ในคลิปเป็นภาพที่ถ่ายจากกล้องจับความร้อนทำให้มองเห็นร่างของกลุ่มคนทั้งสองในลักษณะเรืองแสงอย่างชัดเจน

       

       ภาพในจอเล่นไปเรื่อย ๆ ต้นดูเหมือนจะดูคลิปเหล่านี้มาแล้วนับร้อยครั้ง เหตุการณ์ในคลิปดำเนินไปในลักษณะที่คนกลุ่มใหญ่วิ่งไล่ล่าคนกลุ่มเล็ก ภายในคลิปมีเสียงพื้นหลังเป็นเสียงของเฮลิคอปเตอร์และคนพูดวิทยุกัน 


       เหตุการณ์ภายในคลิปดำเนินไปเรื่อย ๆ คนกลุ่มเล็กกว่าวิ่งหนีไปพลางก็หันมายิงปืนใส่คนกลุ่มใหญ่ที่วิ่งไล่ตาม ลักษณะท่าทางการวิ่งของคนกลุ่มใหญ่ไม่ใช่ท่าทางการวิ่งแบบคนทั้วไป แต่ดูแล้วเหมือนสัตว์ป่า บ้างวิ่งด้วยเท้าและมือที่ตะกุยไปกับพื้นเหมือนสัตว์สี่ขา บ้างก็กระโจนเหยียบตามสิ่งกีดขวางอย่างคล่องแคล่ว

       ที่สุด หนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังวิ่งหนีก็ล้มลง คนที่เหลือหันกลับช่วยคนที่ล้ม ฝ่ายไล่ล่าตามมาถึงก็เข้าโจมตีทันทีจากทุกทิศทาง ฝ่ายที่ถูกล่าใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับศัตรูที่เข้ากลุ้มรุม แต่ว่าดูเหมือนกระสุนปืนจะไม่สามารถหยุดการโจมตีอย่างคลุ้มคลั่งนั้นได้ ไม่นานภาพการสังหารอย่างเหี้ยมโหดทารุณก็เกิดขึ้น ร่างของฝ่ายที่ถูกไล่ล่าโดนฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเล็กน้อย เลือดสาดออกมาเป็นลิ่ม ๆ มองเห็นจากภาพจับความร้อนเป็นเพียงแค่ของเหลวสะท้อนแสงเท่านั้น

        เสียงร้องด้วยความตกใจอย่างสุดขีดของคนบนเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องยนต์ของอากาศยานปีกหมุน ภาพการสังหารอย่างทารุณแม้ไม่เห็นเป็นภาพที่มีสีสันเหมือนดวงตาเห็น แต่ภาพจากกล้องจับความร้อนก็ให้รายละเอียดอย่างชัดเจน


        

        ต้นกดหยุดคลิปวิดีโอสีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้น เหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก


       “...มันเกินเยียวยาแล้ว…”


       ต้นพึมพำกับตัวเอง เขามองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกหน้าต่างหลังคอมพิวเตอร์ ท้องฟ้าภายนอกก็ดูสดใสดีสีสันของท้องฟ้าและเมฆก็ตัดกันชัดเจน มันสดใสจนดูไม่น่าเชื่อว่าเรื่องร้ายแรงกำลังอุบัติแล้ว…


        ต้นหันเดินมาหยุดที่ตู้ล็อคเกอร์เหล็กสีเทา เขากระชากบานประตูออกแผ่หรา ภายในตู้มีกระเป๋าเป้หลังทางยุทธวิธี อาวุธปืนยาวสั้นหลายกระบอก แม็กกาซีนปืนหลายขนาด กล่องกระสุนและ…รูป


       รูปถ่ายของหญิงสาวที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข หญิงในภาพดูแล้วเป็นสาวลูกครึ่ง ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียด สัดส่วนบนใบหน้าที่คมชัด ผมสีดำขลับ มีเพียงเค้าโครงของใบหน้าที่บอกว่าเธอมีเชื้อสายเป็นหญิงลูกครึ่ง


       ต้นมองรูปนั้นด้วยสายตาที่หรี่ซึม เขายัดรูปนั้นเข้าเป้หลังเอาไว้ กวาดสายตามองในตู้เหล็กจนพอใจแล้วประตูสองข้างก็ปิดกลับตามเดิม


       


       “พี่ต้น! พี่ต้น! ลงมาข้างล่างเร็วพี่!!”


       เสียงจ๊อดตะโกนร้องเรียกดังลั่นมาจากหน้าประตูมือก็ทุบประตูแทบจะแยกออกเป็นสองซีก


       ต้นก้าวพรวดเดียวถึงประตูก็กระชากประตูเปิดออกวิ่งตามจ๊อดที่เห็นหลังไว ๆ ลงไปก่อนแล้ว


       เมื่อลงมาถึงสิ่งที่ต้นเห็นก็ทำเอาเขางงงวย ร่างของเด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับอยู่บนโซฟามีผ้าห้มลายการ์ตูนห่มคลุมอย่างดี


       “ลูกตาล…จ๊อด! ใครพาหลานข้ามานอนตรงนี้”


       “พี่แต้วไงพี่! แกเอาน้องมาฝากไว้ บอกแค่ว่าจะต้องไปทำธุระด่วน”


       “มากับใคร?”


       จ๊อดยืนอ้ำอึ้ง ต้นหันมามองตาขวาง ถามด้วยน้ำเสียงหนัก ๆ ฟังแล้วขนลุก


       “ใคร!”


       “ผะ… ผัวแกนั่นแหละ…”


       จ๊อดสีหน้าหวาดกลัว เวลานี้เขาถอยออกมายืนห่าง ๆ


       พอได้ยินแบบนั้นต้นก็กัดฟันกรอด มือกำหมัดแน่น เขาเดินไปนั่งข้าง ๆ เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังหลับสนิท สีหน้าที่เครียดเคร่งเริ่มคลายลง


       “แม่แกมันจะเอายังไงกันแน่ คราวก่อนก็ทิ้งไว้เกือบเดือน …มันคงรักผัวมันมาก”


       จ๊อดค่อย ๆ เดินมาหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ


       “พี่แต้วแกพูดแค่ว่า ครั้งนี้อาจจะนานหน่อย ฝากให้ผมช่วยพี่ต้นเลี้ยงหลานด้วย”


        ต้นหันมามองจ๊อด เด็กชายยิ้มแห้ง ๆ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก


       “...ยังไงเอ็งก็อยู่นี่อยู่แล้วนี่”


       “ครับพี่! ผมจะช่วยเลี้ยงน้องเอง”


       ต้นยิ้มออกมาได้ เขาหันกลับไปมองเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่กำลังหลับสนิท


       “เรื่องร้ายแรงเกินเยียวยากำลังลุกลาม แม่แกก็ดูจะไม่ค่อยใส่ใจแกเท่าไหร่เลยยัยหนู อยู่กับลุงนี่แหละนะ ลุงกับพี่จ๊อดสัญญาจะดูแลแกอย่างดีที่สุด”


       ต้นลูบหัวเด็กหญิงด้วยความรักเอ็นดู 


       จ๊อดลุกขึ้นเดินกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เด็กชายก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ซักพักก็หันมาพูดขึ้น


        “พี่ต้นรู้ใช้ไหมพี่ ว่าเรื่องที่มันเป็นข่าวอยู่ตอนนี้มันคืออะไร?”


       ต้นลุกขึ้นเดินมายืนข้างจ๊อดตามองหน้าจอคอมที่กำลังฉายภาพของช่องข่าวขณะกำลังรายงานข่าวด่วน


       “...มันเป็นอย่างเอ็งเข้าใจนั่นแหละ จ๊อด”


       “นั่นไง! ผมว่าแล้ว”


       “เตรียมตัวได้เลยจ๊อด นับจากนี้ไป เราทุกคนจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบปกติแล้ว”


       จ๊อดหันมามองหน้าต้นก็เห็นชายที่เขารักเหมือนพี่ชายแท้ ๆ มองสบตาอยู่ก่อน


       “เพราะว่า นรกมันจะขึ้นมาอยู่บนดินแล้วใช่ไหมพี่?”


       “...ใช่ นรกจะขึ้นมาอยู่บนดินแล้ว”



    ………………………………..




       


          



       

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น